พฤติกรรมตามธรรมชาติและวิวัฒนาการ
แมวมีประวัติวิวัฒนาการมาจากแมวป่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห้งแล้ง จึงไม่ได้พัฒนาความคุ้นเคยกับน้ำเหมือนสัตว์อื่นบางชนิด เช่น สุนัข หรือนาก โดยธรรมชาติแล้ว แมวเป็นนักล่าที่ต้องการความคล่องแคล่วและความเงียบในการจู่โจม ขนที่เปียกน้ำจะทำให้หนักและเคลื่อนไหวลำบาก รวมถึงส่งเสียงดังเมื่อเดิน ซึ่งขัดกับสัญชาตญาณการล่าเหยื่อ นอกจากนี้ การที่ขนเปียกยังทำให้สูญเสียความสามารถในการรักษาอุณหภูมิร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแมว
โครงสร้างขนและการดูแลตัวเอง
ขนของแมวมีโครงสร้างพิเศษที่ผลิตน้ำมันธรรมชาติเพื่อป้องกันความชื้นและรักษาอุณหภูมิร่างกาย เมื่อขนเปียกน้ำ น้ำมันธรรมชาตินี้จะถูกชะล้างออกไป ทำให้ผิวหนังสูญเสียการป้องกันและอาจเกิดการระคายเคืองได้ แมวใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียขนเพื่อรักษาความสะอาดและจัดระเบียบชั้นน้ำมันธรรมชาตินี้ การเปียกน้ำจึงรบกวนพฤติกรรมการดูแลตัวเองตามธรรมชาติของแมว ทำให้พวกมันรู้สึกไม่สบายตัวและเครียด
ประสบการณ์และการเรียนรู้
ความกลัวน้ำของแมวอาจเกิดจากประสบการณ์ในช่วงต้นของชีวิต หากลูกแมวไม่ได้รับการแนะนำให้รู้จักน้ำในช่วงที่เหมาะสม (ประมาณ 3-7 สัปดาห์แรก) พวกมันอาจพัฒนาความกลัวน้ำอย่างถาวร ประสบการณ์ที่ไม่ดีกับน้ำ เช่น การถูกบังคับให้อาบน้ำ หรือการตกน้ำโดยไม่ตั้งใจ ก็สามารถสร้างความทรงจำที่ไม่ดีและทำให้เกิดความกลัวน้ำได้ อย่างไรก็ตาม แมวบางตัวที่ได้รับการฝึกฝนตั้งแต่เด็กอาจชอบน้ำและสนุกกับการเล่นน้ำได้
การรับรู้และความรู้สึกไม่ปลอดภัย
แมวมีประสาทสัมผัสที่ไวมาก โดยเฉพาะการได้ยินและการรับรู้การสั่นสะเทือน น้ำอาจทำให้แมวรู้สึกสูญเสียการควบคุมและความมั่นคง เสียงน้ำและการเคลื่อนไหวของน้ำอาจทำให้พวกมันรู้สึกสับสนและกังวล นอกจากนี้ เมื่ออยู่ในน้ำ แมวจะรู้สึกหนักและเคลื่อนไหวได้ช้าลง ทำให้รู้สึกเปราะบางและไม่ปลอดภัย ความรู้สึกนี้ขัดกับธรรมชาติของแมวที่ต้องการความคล่องตัวและความสามารถในการหลบหนีจากอันตรายได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น การหลีกเลี่ยงน้ำจึงเป็นกลไกป้องกันตัวตามธรรมชาติของแมว Shutdown123